กรมทะเลและชายฝั่ง ผนึกกำลังตำรวจ บก.ปทส. จับกุมผู้ลักลอบค้าปะการัง อทช ย้ำขยายผลให้ถึงนายทุนใหญ่ก่อนใช้กฎหมายฟอกเงินยึดทรัพย์
กรมทะเลและชายฝั่ง ผนึกกำลังตำรวจ บก.ปทส. จับกุมผู้ลักลอบค้าปะการัง อทช ย้ำขยายผลให้ถึงนายทุนใหญ่ก่อนใช้กฎหมายฟอกเงินยึดทรัพย์
วันที่ 20 ตุลาคม 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับรายงานว่ามีการลักลอบค้าปะการัง ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และส่วนป้องกันและปราบปรามทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายตามหมายศาลอาญามีนบุรี บ้านพักบริเวณซอยเคหะร่มเกล้า 24 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการตรวจค้นเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเบาะแสว่ามีการลักลอบค้าปะการัง ภายหลังจากการตรวจค้นพบสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าคุ้มครองหลายชนิด อาทิ ปะการังแข็ง ปะการังอ่อน และซากปะการัง จำนวนกว่า 180 รายการ ซึ่งการครอบครองสัตว์ป่าดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาครอบครองสัตว์ป่าเพื่อการค้า จึงเป็นการกระทำความผิดฐานค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
จากการรายงานทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งโทษสำหรับการลักลอบค้าสัตว์ป่านั้น ผู้กระทำผิดจะมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถือว่ามีอัตราโทษที่ค่อนข้างสูง
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และกำชับให้เร่งขยายผลถึงนายทุนใหญ่แล้วใช้กฎหมายลงโทษทันที และจะบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินเพื่อติดตามยึดทรัพย์ขบวนการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความหดหู่ใจกับการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ที่คอยจ้องแต่จะทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอันที่จริงพวกเขาเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะนำทรัพยากรปะการังอันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาครอบครองเป็นของตนเอง นอกจากจะเป็นการทำลายระบบนิเวศทางทะเลให้เกิดความเสียหายแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพาะพันธ์ุปะการังนั้นทำได้ยากและใช้เวลานานส่วนใหญ่จะไปลักลอบนำขึ้นมาจากท้องทะเล ดังนั้น การเพาะเลี้ยงปะการังในตู้กระจก นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการทำลายปะการังอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากถึงกลุ่มคนที่มีความคิดแปลกๆ ในการนำปะการังมาครอบครองและทำการค้าเพื่อความสวยงาม ขอให้เลิกเสียที อย่าเห็นแก่ตัว ปล่อยให้ทรัพยากรปะการังได้อยู่ตามแหล่งธรรมชาติ สร้างความสมดุลให้กับท้องทะเล ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ศึกษาและเรียนรู้ทรัพยากรปะการัง ที่ไม่ใช่เพียงแค่เห็นในรูปภาพ แต่ได้สัมผัสถึงความสวยงามและสมบูณ์อันแท้จริงของปะการัง สุดท้ายนี้ หากพบเจอการกระทำความผิดต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้รีบแจ้งเบาะแสมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป “นายอรรถพล กล่าวทิ้งท้าย”
บังเอิญ ชาญด้วยกิจ/รายงาน