“ธนกิจการเมือง” ทำลายประเทศมาหลายสมัยแล้ว การประมูลตัว ส.ส. การประมูลตัวผู้สมัคร เพราะสุดท้ายก็เป็นที่มาของการถอนทุน
“ธนกิจการเมือง” ทำลายประเทศมาหลายสมัยแล้ว การประมูลตัว ส.ส. การประมูลตัวผู้สมัคร เพราะสุดท้ายก็เป็นที่มาของการถอนทุน แล้วนำไปสู่การทุจริต คอร์รัปชั่น และเป็นเรื่องที่นอกจากทำลายประเทศแล้ว ยังทำลายประชาธิปไตยในที่สุด”
ธนกิจการเมือง” มาจากคำว่า “Money Politics” และในบางครั้งยังใช้ในความหมายว่า “การเมืองแบบเงินตรา” หรือ “ธุรกิจการเมือง” เป็นต้น ทั้งนี้ ผาสุก พงษ์ไพจิตร ได้ให้ความหมายคำว่า “ธนกิจการเมือง” (Money Politics) ว่าคือ กระบวนการที่นักการเมืองหรือนักธุรกิจใช้เงินตราไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการให้ตนเองได้รับการเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาด้วยการซื้อเสียง หรือการร่วมกันจัดตั้งเป็นกลุ่มก๊วนเพื่อเข้าถึงอำนาจ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่สามารถดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจของตนเองหรือธุรกิจของพวกพ้อง ทั้งในรูปแบบของการฟื้นฟูการลงทุนไปจนกระทั่งการหากำไรจากการได้รับค่าเช่าและรายได้จากค่าเช่าต่าง ๆ เช่น ใบอนุญาต การสัมปทานหรือการอุดหนุน เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาจะสูงกว่าภายใต้สภาวะของการแข่งขันปกติ นอกจากนี้ ยังมีการแสวงหาสินบนและการปรับใช้งบประมาณปกติเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ถึงที่สุดแล้ว ความมั่งคั่งและผลประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมเหล่านี้จะถูกนำกลับไปใช้ลงทุนในทางการเมืองเพื่อขยายเขตอำนาจของตนอีกต่อหนึ่ง กล่าวได้ว่า การเมืองในแนวนี้โดยตัวมันเองจึงเป็นแต่เพียงธุรกิจ อันหมายถึงวิถีทางในการแสวงหารายได้เท่านั้น [1]
โดยสรุปแล้ว “ธนกิจการเมือง” คือ การที่นักธุรกิจขนาดใหญ่ระดับนำเพียงไม่กี่คน ประสบความสำเร็จในการใช้เงินซื้อการเมือง และพยายามถอนทุนจากการมีอำนาจได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และประสบความสำเร็จในการบ่อนทำลายระบอบรัฐสภาประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง หมายความว่าแทนที่รัฐสภาจะมีสมาชิกที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนต่าง ๆ ในสังคมอย่างครอบคลุม กลับกลายเป็นเพียงตัวแทนของผลประโยชน์กลุ่มน้อยนิดของสังคมไทย คือ “นักธุรกิจขนาดใหญ่ระดับนำและพรรคพวกจำนวนหนึ่ง”
cr. ฐิติกร สังข์แก้ว และดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว