พลเอก ประวิตร ลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำเมืองจันทบุรี เร่งอ่างฯ คลองวังโตนด-โครงการพัฒนาแหล่งน้ำEEC
พลเอก ประวิตร” ลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำเมืองจันทบุรี เร่งอ่างฯ คลองวังโตนด-โครงการพัฒนาแหล่งน้ำEEC
พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่เร่งขับเคลื่อนโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนดและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดจันทบุรี ให้แล้วเสร็จ พร้อมสั่ง สทนช. บูรณาการขับเคลื่อน 17 โครงการสำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก หวังสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน
วันนี้ (27 มิ.ย.2565) เวลา 09.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำจังหวัดจันทบุรี พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปแผนพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดจันทบุรี และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมรับฟังรายงานผลการดำเนินการโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนดและโครงการอื่นๆ ในจังหวัดจันทบุรี โดย นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปข้อมูลภาพรวมของจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี ก่อนลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (คลองภักดีรำไพ) และโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนด ณ อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว และพบปะประชาชนในพื้นที่ตามลำดับ
พลเอก ประวิตร กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามรับทราบสถานการณ์น้ำและแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารและเกษตรกรรมที่สำคัญของไทย โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสำคัญหลายโครงการ เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำในพื้นที่และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อาทิ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนด ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นอย่างบูรณาการของส่วนราชการ และชุมชนต่างๆ ในลุ่มน้ำคลองวังโตนดที่ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนา ด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำจำนวนทั้ง 4 แห่ง ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้ว 1 แห่ง คือ อ่างฯคลองประแกด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้อีก 2 แห่ง คือ อ่างฯคลองพะวาใหญ่ และอ่างฯ คลองหางแมว
ส่วนอีก 1 แห่ง คือ อ่างฯคลองวังโตนด ขณะนี้ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน (EHIA) แล้ว อยู่ระหว่างขอใช้พื้นที่ โดยไดัสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการให้ความเห็นชอบการขอใช้พื้นที่ พร้อมทั้งให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในทุกๆ ด้าน คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2567 โดยมอบหมายให้ สทนช. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการพัฒนาได้ตามแผน และให้ติดตามความก้าวหน้ารายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนดแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนรวม 307.5 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ถึง 249,700 ไร่ และยังมีปริมาณน้ำส่วนเกินผันน้ำไปเติมให้กับอ่างฯประแสร์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับ EEC ในช่วงฤดูฝนได้อีกปีละประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม ขณะเดียวกัน ยังเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญๆ ในจังหวัดจันทบุรี เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองโป่งน้ำร้อน โครงการอ่างเก็บน้ำคลองตาพลาย โครงการอ่างเก็บน้ำคลองเครือหวาย และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บอ่างเก็บน้ำแก่งหางแมว เป็นต้น อีกด้วย
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ สทนช.เร่งรัดประสานการปฏิบัติ และติดตามหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นไปตามแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี พร้อมบูรณาการกับกรมชลประทาน พิจารณาจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรีฝั่งตะวันตก (คลองน้ำใส) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ด้านตะวันตกของเมืองจันทบุรีในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี เทศบาลเมืองท่าช้าง เทศบาลค่ายเนินวงศ์ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าช้าง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างยั่งยืน
“แผนงานโครงการสำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกที่จะดำเนินการในปี 2566-67 รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 406 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 208,840 ไร่ อาทิ โครงการระบบระบายน้ำหลักพื้นที่ชุมชนเมืองชลบุรี จ.ชลบุรี โครงการอ่างเก็บน้ำเขาจอมแห-เขานั่งยอง จ.ระยอง โครงการระบบสูบกลับคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เส้นที่ 2 จ.ระยอง โครงการปรับปรุงขยาย กปภ.สาขาพัทยา-แหลมฉบัง-ศรีราชา (รองรับ EEC) โครงการเครือข่ายน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองค้อ-บางพระ จ.ระยอง–ชลบุรี เป็นต้น” ดร.สุรสีห์ กล่าว
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
27 มิถุนายน 2565
ดร.โนชญ์ ชาญด้วยกิจ/ตะวันเสรี